![]() |
ขอบคุณเจ้าของภาพที่อนุญาตให้เผยแพร่ |
ยิ้มสู้มะเร็ง
กายป่วย ใจต้องแกร่ง ตอน 1
จุดเริ่มเรื่อง…เริ่มจากเราสังเกตเห็นว่ามีก้อนกลมๆเล็กๆที่เต้านม
แต่ไม่มีอาการเจ็บหรือปวดใดๆ ก็เลยไม่ได้สนใจหรือใส่ใจอะไร
เพราะคิดว่ามันเป็นน่าจะเป็นเรื่องผิดปรกติที่ไม่ได้ร้ายแรง
ที่ผู้หญิงที่เริ่มมีอายุเขามีโอกาสเป็นกันได้
ก็เลยปล่อยผ่านมาหลายปี
แต่มาวันหนี่งพบว่าก้อนเล็กนั้น
กลับมีขนาดที่โตขึ้นอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาและเริ่มมีอาการเจ็บเป็นบางครั้งโดยเฉพาะเวลาเดินมีความรู้สึกว่า
เจ้าก้อนกลมๆนั้นมันสามารถกลิ้งได้ โดยมีความรู้สึกว่ามันกลิ้งไปมาภายในเต้านม
ก็เริ่ม เอะใจและกังวลใจ
และความรู้สึกที่มากไปกว่านั้นคืออยากที่จะรู้ว่ามันคืออะไร อันตรายไหม
เลยโทรสอบถามกับพี่สาวที่ต่างจังหวัดว่ามันคืออะไรและเคยเป็นไหม
พี่สาวก็บอกว่าไม่รู้ และไม่เคยเป็นและสอบถามญาติก็ไม่มีใครรู้หรือเคยมีอาการลักษณะนี้
พี่สาวก็บอกว่าไม่รู้ และไม่เคยเป็นและสอบถามญาติก็ไม่มีใครรู้หรือเคยมีอาการลักษณะนี้
ได้แต่บอกว่าอย่าไว้วางใจให้รีบไปตรวจด่วน
หลังจากที่คุยกับพี่สาววั้นน้นก็ทิ้งเวลาผ่านมาอีกประมาณ 3 เดือน โดยที่ไม่ได้ไปตรวจตามที่
ทางญาติๆ เขาบอกไว้
จนวันหนึ่งก็พบว่ามีมีตุ่มมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆสีแดงขึ้นรอบๆเต้านม
และจะอาการที่คัน พอเป็นได้ประมาณ
วันหรือสองวันก็หายไป
แต่หลังจากที่ผื่นแดงหายไป
ก็จะเริ่มมีอาการปวดที่เต้านม ก็ไปปรึกษาแฟน ว่าอาการแบบนี้เป็นอะไร
หลังจากที่ปรึกษากันก็สรุปว่าจะไปตรวจที่โรงพยาบาล
วันรุ่งขึ้นก็ไปโรงพยาบาล
หลังจากที่ทำการทำประวัติ และก็เข้าห้องตรวจ
คำแรกที่หมอผู้ตรวจถามเชิงตำหนิว่า “ทำไมพึ่งมาหาหมอ
ทำไมถึงปล่อยให้ก้อนเนื้อมันโตขนาดนี้ “ เราก็ตอบคุณหมอว่า คิดว่ามันไม่เป็นอะไรมาก เพราะมันโตก็จริงแต่มันไม่ได้มีอาการอะไรมาก
แต่ระยะหลังมันเริ่มมีอาการเป็นผื่น
พอผื่นหายก็มีอาการปวดเต้านมจึงรีบมาตรวจที่โรงพยาบาล
หมอก็บอกว่าถ้ามันโตขนาดนี้แสดงว่ามันอยู่กับเรามานานแล้ว
และจากที่หมอพิจารณาแล้วมันลักษณะที่ไม่สู้ดีเลย
เพราะบริเวณรอบก้อนกลมนั้น มันมีลักษณะขยุกขยุยน่ากลัว และสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่ามีจุดสีขาวอยู่ในก้อนเนื้อกลมนั้นด้วย
หมอคิดว่ามันใช่เลย
ใช่แน่ๆ
เพราะจากประสบการณ์ที่หมอทำงานมานับสิบปี อาการลักษณะนี้โอกาสที่จะใช่ มีมากกว่า 90 % เราก็ย้อนถามหมอว่าที่บอกว่าใช่ๆๆ
มันคือใช่อะไร
คุณหมอมองจ้องหน้านิ่งๆพักหนึ่งก็บอกว่า เดี๋ยวไปฟังผลตรวจ
จากหมออีกท่านน่ะที่เขามีผลตรวจของเราและจะสามารถบอกได้ชัดเจนว่ามันคืออะไร
เพราะหมอตรวจจากสภาพภาพนอกที่เห็นและได้สัมผัสเท่านั้น
ไม่ได้มีผลตรวจที่เป็นเอกสารยืนยัน
0 ความคิดเห็น